ผ่าตัดสูตรลัด
"สร้างโฆษณาขายดี"
พิสูจน์แล้วด้วยยอดขาย 758,969 ภายใน 5 เดือน
ถ้าคุณยิงแอดหรือทำโฆษณาอยู่…
ผมกำลังจะพาคุณไปดู Anatomy หรือ “อวัยวะ” แต่ละส่วนของโฆษณา พร้อมสูตรลัดในการเกลามันให้สมบูรณ์แบบ ที่ผมรวบรวมและสรุปมาจากหนังสือการตลาดในตำนาน และนักธุรกิจระดับโลกที่ใช้งบโฆษณาเดือนละ 30 ล้านบาทขึ้นไป (1 ล้านเหรียญฯ)
เป้าหมายของผมคือ ทันทีคุณอ่านจบ คุณจะต้องสามารถสร้างผลลัพธ์จากการโฆษณาได้ไม่น้อยไปกว่าที่ผมทำได้
แต่ถ้าคุณยังรู้สึกว่าทำไม่ได้ ไม่ต้องตกใจนะครับที่ผมจะ “ขาย” บางสิ่งบางอย่างให้คุณ เพื่อช่วยให้คุณทำโฆษณาชิ้นต่อไปได้อย่างที่ผมทำทันที
เอาล่ะ! มาเริ่มจากเป้าหมายแรกกันก่อน เมื่อพูดถึงการทำโฆษณา ส่วนแรกที่เราต้องให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือ…
Headline (สูตรลัด : 5-5)
Headline อธิบายง่ายๆคือ “ส่วนแรก” ที่กลุ่มเป้าหมายจะจากโฆษณาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นภาพโฆษณาจากแอด Facebook เป็นวิดีโอ หรือแม้แต่เป็น Text ธรรมดาๆที่เขียนอยู่บนใบปลิว
สูตรลัดสำหรับ Headline คือ 5-5 ซึ่งผมเรียนรู้มาจากหนังสือเล่มนี้ครับ
Breakthrough Advertising เขียนโดย Eugene M. Schwartz ปรมาจารย์นักโฆษณาผู้ล่วงลับ นี่เป็นหนังสือในตำนานที่ไม่มีแปลไทย และเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่ราคาถูกที่สุด ขายอยู่ราวๆ 4,300 บาท ($125)
Eugene Schwartz กล่าวประโยคทองของวงการโฆษณาไว้ว่า
“สาเหตุที่โฆษณาส่วนใหญ่ไม่ได้ผล เป็นเพราะ Headline ของมันไม่ตรงกับระดับการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมาย”
ระดับการรับรู้ในที่นี้มี 5 ระดับ เรียกว่า 5 Stages Of Awareness ครับ ก่อนจะเขียน Headline คุณต้องระบุ Stage ที่ถูกต้องของกลุ่มเป้าหมายให้ได้เสียก่อน
แต่เท่านั้นยังไม่พอ Eugene Schwartz รู้ดีว่าด้วยปริมาณที่มีมหาศาล การจะดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายได้ โฆษณาจะต้อง “แตกต่าง” และการจะสร้างความแตกต่างได้ คุณต้องรู้ว่าตลาดของคุณมีความซับซ้อนระดับไหน
ระดับความซับซ้อนของตลาดมี 5 ระดับ เรียกว่า 5 Level Of Market Sophistication ครับ ก่อนจะเขียน Headline คุณต้องระบุ Level ที่ถูกต้องของตลาดของคุณให้ถูกเสียก่อน
Headline จะสะกดกลุ่มเป้าหมายได้ ก็ต่อเมื่อรู้ 5 Stages of Awareness และ 5 Level of Sophistication จำสูตร 5-5 นี้ไว้ให้ดีครับ
Lead (สูตรลัด : P-P)
ต่อจาก Headline สายตาและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายต่อเนื่องไปตรงไหน ส่วนนั้นคือ Lead ครับ
สูตรลัดสำหรับ Lead คือ P-P ซึ่งผมได้เรียนรู้มาตอนเข้าร่วม Platinum Partnership โปรแกรมของ Tony Robbins ที่มูลค่ากว่า 2.97 ล้านบาท ($85,000)
Tony Robbins เป็นนักเขียน นักพูด นักสร้างแรงบรรดาลใจ และนักธุรกิจที่มีผู้ติดตามกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก และเทรนนิ่งที่คนให้ความสนใจมากที่สุดคือ “Unleash The Power Within” ที่มูลค่าเข้าร่วมงานประมาณ 13,000 บาท
คืองี้ครับ ต้องบอกว่าโดยทั่วไปคนเราจะไม่ตื่นมาในตอนเช้าพร้อมกับแรงจูงใจที่อยากจะพัฒนาตัวเอง จนถึงขนาดลงมือเสาะหาคอร์สเรียนสร้างแรงบันดาลใจ ดังนั้นธุรกิจของ Tonny Robbins ที่สอนให้ค้นหาศักยภาพภายในของตัวเอง จึงอยู่ได้ด้วยการวาดภาพ 2 ภาพให้คนจินตนาการออก นั่นคือ…
Paint The Best วาดภาพจุดสูงสุด ที่กลุ่มเป้าหมายสามารถไปได้ถึง และ
Paint The Worst วาดภาพสิ่งเลวร้ายสุดๆที่อาจเกิด ถ้ากลุ่มเป้าหมายไม่พยายามก้าวหน้าไปสู่จุดสูงสุดของตัวเอง
เมื่อ Headline ของคุณสะกดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว โฆษณาของคุณจะต้องวาดภาพทั้ง 2 ภาพนี้ให้เกิดในใจกลุ่มเป้าหมายให้ได้ครับ
Proof (สูตรลัด 8-3)
สิ่งเดียวที่ช่วยเปลี่ยนจินตนาการให้ดูสมจริงได้ คือ “หลักฐาน” เชื่อไหมครับว่า มีธุรกิจที่สร้างตัวเองจาก 0 จนกลายเป็นองค์กรหลัก 300 ล้านบาท ($10 ล้าน) ได้ด้วยการใช้ Proof เป็นแก่นหลักของโฆษณา
ในหนังสือที่ชื่อ Robert Collier Letter Book ปรจารย์นักโฆษณาทางจดหมายที่ชื่อ Robert Collier ได้กล่าวถึงบริษัทแห่งนี้ พร้อมยกตัวอย่าง Proof ให้เห็นถึง 8 รูปแบบ
สูตรลัดสำหรับ Proof คือ 8-3 ครับ หมายถึงการเลือกใช้ Proof อย่างน้อย 3 อย่างจาก 8 รูปแบบที่มีอยู่ทุกครั้งที่ทำโฆษณา
วิธีนี้ นอกจากจะทำให้โฆษณาของคุณแตกต่างและน่าเชื่อถือกว่าโฆษณาทั่วไปที่มีแต่ภาพรีวิวตัดแปะจากลูกค้า มันยังทำให้ Proof เข้าถึงคนทุกกลุ่มซึ่งอาจจะรับสารแต่ละแบบได้ดีไม่เท่ากันด้วย (บางคนเข้าใจตัวเลขได้เร็วกว่า บางคนเข้าใจคำพูดได้ดีกว่า บางคนเข้าใจภาพได้ชัดกว่า)
Offer (สูตรลัด A-L-P)
ดึงดูดความสนใจแล้ว ทำให้นึกภาพตามแล้ว สร้างความเชื่อมั่นแล้ว จากนั้นค่อย “ขายของ” ถึงเวลาที่คุณจะนำเสนอข้อเสนอของคุณแล้วครับ
สูตรลัดสำหรับ Offer คือ A-L-P ซึ่งผมสรุปมาจากการเข้า Mentorship โปรแกรมของ Frank Kern นักการตลาดที่ถูกว่าจ้างโดยธุรกิจออนไลน์กว่า 82,000 แห่งทั่วโลก ให้ช่วยเพิ่มยอดขาย
A มาจาก Alpha หมายถึงจุดร่วมระหว่างคุณกับกลุ่มเป้าหมาย ข้อเสนอที่ดีต้องเกิดจากการระบุ Alpha ให้ชัดเจน
L มาจาก Lead Magnet คุณไม่ควรจะขอแต่งงานกับคนที่เพิ่งได้พบเป็นครั้งแรก จริงไหมครับ? ดังนั้นคุณจึง “เริ่มจากมอบดอกไม้ช่อเล็กๆให้เขาก่อน” Lead Magnet คือข้อเสนอเล็กๆที่คุณสร้างมาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเปิดใจรู้จักคุณมากขึ้น ก่อนที่คุณจะสานสัมพันธ์กับเขาต่อในระยะยาว และทำเงินจากเขาเพิ่ม
P มาจาก Price Justification ไม่สำคัญว่าคุณจะขายของถูก หรือแพง แต่สำคัญที่ว่ากลุ่มเป้าหมายมองข้อเสนอของคุณว่า “คุ้ม” หรือไม่ และนั่นคือหน้าที่ของ Price Justification หรือการทำให้ราคาดูสมเหตุสมผลครับ พูดง่ายๆก็คือ อย่าลืมบอกกลุ่มเป้าหมายด้วยนะครับว่าที่คุณคิดราคาแบบนี้ “เพราะอะไร”
สูตรลัดนี้ทำอะไรได้?
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ก่อน หลังจากผมสรุปสูตรการทำโฆษณานี้ออกมา ผมลองทดสอบธุรกิจใหม่ที่สร้างขึ้นโดยเน้นการใช้ยิงแอด Facebook เป็นหัวใจหลัก ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้จะกลายเป็นไปเป็นแฟนพันธุ์แท้ในระยะยาว
ผมใช้โฆษณาทั้งหมด 6 ตัว ทั้งโฆษณาตัวเปิดและตัว Retarget ตลอดระยะเวลาประมาณ 5 เดือน ผลลัพธ์คือ…
สร้างยอดขายได้ 758,969
สร้างฐานลูกค้าเพิ่มได้ 1,121 คน
แม้จะไม่ได้แตะถึงหลักล้านเหมือนโค้ชและกูรูท่านอื่นๆ แต่ทั้งหมดนี้ ใช้โฆษณาทำหน้าที่สร้างยอดขายอย่างเดียว ส่วนตัวผมก็เอาเวลาที่เหลือไปโฟกัสธุรกิจหลักอื่นๆ ดังนั้น ผมเลยรู้สึกว่า “สอบผ่าน” ครับ เพราะฐานลูกค้ากว่า 1,000 คนที่เพิ่มขึ้นมา ช่วยให้ผมสร้าง Life Time Value หรือพูดง่ายๆคือขายของให้เขาต่อได้แบบยาวๆโดยไม่ต้องเสียค่าแอดซักบาท
ยอดขายหลังจากนั้นก็… น่าจะพอเห็นภาพใช่ไหมครับ?
ถ้าคุณเห็นว่าผลลัพธ์นี้น่าสนใจ และอยากได้บ้าง สูตรลัดสร้างโฆษณาที่คุณเพิ่งได้อ่านไปช่วยคุณได้แน่นอนครับ การันตี!
แต่เอ๊ะ! ผมลืมไปอีกหนึ่งอวัยวะสำคัญ
สิ่งสุดท้ายที่โฆษณาจะขาดไปไม่ได้เลย คือ Call-To-Action ครับ พูดง่ายๆ…
“หลังเห็นโฆษณาแล้ว สนใจแล้ว คุณอยากให้กลุ่มเป้าหมายทำอะไร” บอกเขาไปครับ
Call-To-Action ที่ดีควรทำให้ง่ายที่สุดครับ ง่ายถึงขนาดที่แม้กลุ่มเป้าหมายจะเป็นเด็กประถม เขาก็ต้องลงมือทำสิ่งที่คุณต้องการได้
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆนะครับ นี่คือ Call-To-Action ของผม…
“คุณอยากให้ผมช่วยเขียนโฆษณาไหมครับ?”
สูตรลัดสร้างโฆษณาขายดีจากหนังสือในตำนาน จากเทรนนิ่งระดับโลก และจากประสบการณ์ของผมเอง ผมจะแชร์มันอย่างละเอียดในงานสัมมนาสดที่ชื่อ Ad Content’s Anatomy ครับ
งานนี้นอกจากเราจะไปเจาะลึกอวัยวะของโฆษณาทุกส่วนตามสูตรแล้ว เราจะ Workshop สร้างโฆษณากันจริงๆด้วย นั่นหมายความว่า…
“ผมจะช่วยคุณเขียนโฆษณาชิ้นต่อไป ให้เสร็จพร้อมใช้งานทันทีหลังเรียนจบ”
งาน Ad Content’s Anatomy เคยจัดมาแล้ว และนักเรียนของผมกล่าวกันไว้ว่า…
“ได้ความรู้ทุกสเต็ปตั้งแต่การเลือกลูกค้า 5 ระดับการรับรู้ และแบ่งกลุ่มลูกค้า การเขียน headline ที่แมทช์กับแต่ละเลเวล”
“ชอบมากที่สุดเรื่องการทำ Frame Work สร้างกระบวนการที่เป็นตัวของตัวเอง ให้แตกต่างจากผู้อื่น”
“พึ่งเคยรู้ว่าการทำ หรือการเล่าเรื่องต่างๆ ต้องเรียบเรียงระดับต่างๆถึง 5 ระดับ”
“สามารถนำไปปรับให้แตกต่างจากคู่แข่งได้ แม้สินค้าจะอยู่ในกลุ่ม red ocean”
“สิ่งที่ประทับใจ การหา alpha ของลูกค้าให้เจอ และบันได 5 ชั้น ที่ช่วยวิเคราะห์ wording ในการใช้ message ยิง ad”
“ประทับใจวิธีจัดการกับกระบวนการคิดให้มองเห็นเป็นภาพก่อนการเลือกกลุ่มเป้าหมาย”
“ทำให้เรามีวิธีการคิดที่เป็นระเบียบมากขึ้น มองเห็นจุดบกพร่องต่างๆได้ชัดเจนมากขึ้น”
“ผมเคยเรียนเหมือนกันครับพวกทฤษฎีต่างๆ แต่รายละเอียดการอธิบายของคุณชาย โคตรเข้าใจง่าย เห็นภาพ รู้สึกเลยว่าเอาไปปรับใช้ได้จริง”
“เป็น Course ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเรียนมา”
วิธีสมัครเข้าร่วมสัมมนาสด Ad Content’s Anatomy 3 วัน มูลค่า 4,990 บาท
ตอนนี้ผมกำลังเปิดรอบ Super Early Bird เพื่อทดสอบดูว่ามีคนสนใจมากแค่ไหน ดังนั้น ถ้าคุณรีบตัดสินใจ คุณอาจได้เข้าร่วม Workshop ในราคาโคตรพิเศษ!
รีบคลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อดูวันเวลาจัดงาน และกรอกข้อมูลสมัครได้เลยครับ